แนะนำน้ำหอมที่เหมาะกับเรา

                            แนะนำวิธีเลือกกลิ่นน้ำหอมให้เหมาะกับตัวเอง กลิ่นไหนที่ใช่สำหรับเรา
 
 A woman’s perfume
tells more about her than her handwriting.”
– Christian Dior
'กลิ่นน้ำหอม' หนึ่งในเสน่ห์ที่ทำให้ผู้หญิงน่าหลงใหลอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากกลิ่นของน้ำหอมที่เลือกจะบอกถึงรสนิยมแล้ว ยังช่วยเสริมบุคลิกให้ดีขึ้นอีกด้วย แต่ก่อนที่จะเลือกมาใช้ สิ่งที่เรากังวล คือ กลิ่นน้ำหอมนี้จะเหมาะกับเราไหม ตัวน้ำหอมติดทนนานหรือเปล่า เพราะบางครั้งฉีดไปแล้วรู้สึกว่ากลิ่นหายไปเร็วยิ่งกว่าเงินเดือนเข้าตอนต้นเดือนซะอีก

อย่างแรกที่ต้องดูคือ ความเข้มข้นของน้ำหอมนี่แหละค่ะ เช่น Eau de Parfum, Eau de Toilette, Eau de Cologne สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกน้ำหอมแบบไหนดี วันนี้เรามีคำอธิบายง่าย ๆ เกี่ยวกับความเข้มข้นของน้ำหอมทั้ง 5 ประเภทมาฝาก

 

ระดับความเข้มข้นของหัวน้ำหอม
Parfum หรือ Perfume
เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นสูงสุด มีหัวน้ำหอมถึง 20-40% และติดทน 8-10 ชั่วโมง เป็นน้ำหอมที่ติดทนนานและราคาแพงที่สุดในน้ำหอมทุกประเภท เพราะมีหัวน้ำหอมเยอะ เหมาะกับคนที่ผิว Sensitive มากกว่าน้ำหอมประเภทอื่น เพราะมีปริมาณแอลกอฮอล์น้อย 
Eau de Parfum (EDP)
เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นรองจาก Parfum มีปริมาณหัวน้ำหอม 15-20% ติดทน 7-8 ชั่วโมง ราคาถูกกว่า Parfum และกลิ่นน้ำหอมติดทนนานน้อยกว่า เพราะมีแอลกอฮอล์มากกว่า ใช้งานได้ทุกวัน และเหมาะกับคนที่ผิว Sensitive ด้วย
 Eau de Toilette (EDT)
เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นอยู่ที่ 5-15% ราคาถูกกว่า Eau de Perfum และเป็นน้ำหอมประเภทที่คนนิยมที่สุด กลิ่นน้ำหอมติดทนนานประมาณ 4-6 ชั่วโมง บางคนจะเลือกใช้ตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนจะใช้เป็น  Eau de Parfum
 Eau de Cologne (EDC)
เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นน้อยสุดในทุกประเภท มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์สูงและมีน้ำหอมเพียง 2-4% เท่านั้น ทำให้ราคาค่อนข้างถูกและได้ปริมาณที่เยอะ กลิ่นน้ำหอมติดทนนานประมาณ 3-4 ชั่วโมง
 Eau Fraiche
คล้ายกับ Eau de Cologne ตรงที่กลิ่นน้ำหอมจะอยู่ได้ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่มีความเข้มข้นของหัวน้ำหอมที่น้อยกว่า มีแค่ 1-3% เท่านั้น ไม่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์เพราะใช้น้ำแทน
  Tip: อุณหภูมิก็มีผลต่อการใช้น้ำหอมนะคะ เพราะฉะนั้นควรเลือกน้ำหอมให้เหมาะสมกับฤดูนั้น ๆ ด้วย แต่ปกติน้ำหอมส่วนใหญ่จะมี Collection ที่เหมาะกับแต่ละฤดูออกมาอยู่แล้ว เช่น ถ้าเป็นหน้าร้อนมักจะเป็นน้ำหอม Eau de Toilette (EDT) ที่สกัดจากดอกไม้และผลไม้ ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น เพราะถ้าเป็น Eau de Parfum (EDP) อาจกลิ่นแรงเกินไป

  เลือกน้ำหอมให้เหมาะกับ 3 สภาพผิว
ผิวมัน
ในผิวจะมีน้ำมันซึ่งช่วยให้กลิ่นน้ำหอมติดทนนานและกระจายกลิ่นค่อนข้างดี รวมถึงทำให้กลิ่นที่ใช้ฉุนและแรงขึ้นกว่าปกติ แนะนำให้หลีกเลี่ยงน้ำหอมกลิ่นฉุน ๆ แล้วใช้น้ำหอมที่กลิ่นอ่อนโยนหรือเบาบางดีกว่า เช่น น้ำหอมประเภท Eau de Toilette หรือ Eau de Cologne
ผิวแห้ง
จะดูดซึมความมันจากน้ำหอมไว้ได้ดี ทำให้การกระจายตัวของกลิ่นน้ำหอมนั้นน้อยกว่าคนผิวมัน แนะนำให้ใช้น้ำหอมที่กลิ่นค่อนข้างแรง และเข้มข้นมากกว่าปกติ ควรเป็น Eau de Parfum หรือ Eau de Toilette 
ผิวที่เหงื่อออกง่าย
ปกติในน้ำหอมจะมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เวลาเหงื่อออกรูขุมขนจะเปิดทำให้แอลกอฮอล์ซึมเข้าไป ทำให้เกิดอาการแสบร้อนได้ เพราะฉะนั้นน้ำหอมประเภทที่ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือ Body Mist เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด


กลิ่นน้ำหอมประเภทต่าง ๆ
เป็นการแยกกลิ่นตามกลุ่มลักษณะเฉพาะตัวของน้ำหอม เพื่อให้เราสามารถเลือกกลิ่นน้ำหอมที่ชอบและรู้ว่าน้ำหอมกลิ่นไหนหอมเหมือนอะไร แม้ว่าจะไม่ได้ดมกลิ่นน้ำหอมก็ตาม 


Floral น้ำหอมกลิ่นดอกไม้ มีความเป็นผู้หญิง ส่วนมากมักสกัดจากดอกไม้ เช่น กุหลาบ หรือมะลิ ให้ความรู้สึกนุ่มนวล อ่อนหวาน และสดชื่น เป็นกลุ่มน้ำหอมที่นิยมผลิตออกมามากที่สุด จะอยู่ในน้ำหอมของผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีในน้ำหอมผู้ชายเช่นกัน สามารถผสมกับกลิ่นของ Oriental หรือกลุ่มที่ให้ความรู้สึกสดชื่นได้ดี ในกลุ่มนี้แยกออกเป็น 5 แบบคือ Floral Fruity, Floral Oriental, Floral Water, Floral Green และ Floral Aldehyde กลิ่นยอดฮิตของกลุ่มนี้คงต้องยกให้ Chloé Eau de Parfum และ Miss Dior ซึ่งเป็นน้ำหอมสุดคลาสสิก ที่ผู้หญิงทุกคนควรมีไว้ในครอบครอง




Oriental น้ำหอมกลิ่นเครื่องเทศ เป็นกลิ่นที่ได้จากเครื่องเทศที่มีความเผ็ดหรือหวาน ให้ความรู้สึกหรูหรา ดูมีระดับ เช่น Cinnamon หรือพริกไทยดำ ผสมกับความหวานของวานิลลาและแอมเบอร์ กลิ่นน้ำหอมโทนนี้จะมีการผสมของโทน Spices กับ Floral อย่างพวกมะลิเข้าไป เช่น Flowerbomb Victor & Roft, Tom Ford Tobacco Vanilla และ Chanel COCO Eau de Parfum






Woody น้ำหอมกลิ่นแมกไม้ กลิ่นน้ำหอมโทนนี้จะมีกลิ่นจำพวกแมกไม้ต่าง ๆ รวมไปถึงกลิ่นที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สดชื่นแบบธรรมชาติ เช่น ไม้หอมแก่นจันทน์ เป็นกลิ่นที่มักใช้ในน้ำหอมของผู้ชาย แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล น้ำหอมในกลิ่นโทนนี้คือ Creed Green Iris Tweed, Tom Ford Black Orchid และ Chanel Bleu de  


Citrus / Fruity น้ำหอมกลิ่นผลไม้ เป็นกลิ่นน้ำหอมที่ให้ความรู้สึกสดชื่นจากผลไม้ เช่น มะกรูด ส้ม เลมอน และเกรปฟรุต กลิ่นโทนนี้มี Note พวก แอปเปิล พีช ผลไม้ตระกูลเบอร์รี มะม่วง และมักจะผสมคู่กับโทน Floral โดยจะอยู่เป็น Top Note น้ำหอมที่ใช้กลิ่นโทนนี้คือ Jo Malone Orange Blossom และ Chanel COCO Mademoiselle




ฉีดยังไงให้น้ำหอมติดทนนาน
ฉีดน้ำหอมตามจุดชีพจร เช่น ข้อพับ ข้อศอก ด้านในข้อมือ ติ่งหู ที่เป็นจุดไหลเวียนโลหิตซึ่งอุณหภูมิอบอุ่นเป็นพิเศษ เพราะน้ำหอมกระจายตัวได้ดีในอุณหภูมิที่อุ่น ในขณะเดียวกันก็เป็นการดูดซับความหอมไว้ใต้ผิวหนังทำให้กลิ่นน้ำหอมติดนานขึ้น
การเสียดสีของผิวอาจทำให้กลิ่นน้ำหอมเพี้ยนได้ วิธีที่ดีที่สุดคือควรปล่อยให้น้ำหอมซึมเข้าสู่ผิวและแห้งเองตามธรรมชาติ ไม่ควรถูบริเวณที่ฉีดน้ำหอม
การทาครีมหรือโลชั่นก่อนฉีดน้ำหอม เพราะจะทำให้ผิวหนังชุ่มชื่นและดูดซับน้ำหอมได้ดีกว่าผิวที่แห้ง ถ้าจะให้ดีควรเลือกโลชั่นกลิ่นเดียวกับน้ำหอม หรืออาจจะเป็น Lotion Base ที่ไม่มีกลิ่นก็ได้
ฉีดน้ำหอมหลังจากอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ เป็นตอนที่ร่างกายของเราพร้อมรับน้ำหอมได้เต็มที่ แถมปราศจากสิ่งเจือปนที่ทำให้กลิ่นน้ำหอมเพี้ยนด้วย
ฉีดน้ำหอมบริเวณผิวหนังโดยตรง ไม่ควรฉีดใส่เสื้อผ้า เพราะนอกจากจะทำให้เสื้อผ้าเป็นรอยด่างได้ง่ายขึ้นแล้ว กลิ่นน้ำหอมยังไม่ติดทน และการกระจายของกลิ่นก็ไม่ดีด้วย เพราะน้ำหอมทำปฏิกิริยากับผิวหนังได้ดีกว่า


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น